เทคโนโลยีการรับส่งข้อมูลในเครือข่ายคอมพิวเตอร์
เทคโนโลยีในการส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ สามารถแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ เทคโนโลยีการรับส่งข้อมูลแบบใช้สาย และ
เทคโนโลยีการรับส่งข้อมูลแบบไร้สาย ดังนี้
4.1 เทคโนโลยีการรับส่งข้อมูลแบบไร้สาย
เทคโนโลยีการรับส่งข้อมูลแบบไร้สาย
แบ่งออกเป็น 3 ชนิด ได้แก่
1) สายตีเกลียวคู่
ประกอบด้วยเส้นลวดทองแดง 2 เส้น
ที่หุ้มด้วยฉนวนพลาสติก พันบิดกันเป็นเกลียว
เพื่อลดการรบกวนจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากไฟฟ้าความถี่สูงได้ สำหรับอัตราการส่งข้อมูลผ่านสายตีเกลียวคู่จะขึ้นอยู่กับความหนาของสายคือ
สายทองแดงที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางกว้าง จะสามารถรับส่งสัญญาณไฟฟ้ากำลังแรงได้
สามารถใช้ส่ง 100 เมกะบิตต่อวินาที ในระยะทางไม่เกินร้อยเมตร
สายตีเกลียวคู่มี 2 ชนิด
1.1)สายตีเกลียวคู่แบบไม่ป้องกันสัญญาณรบกวน หรือ
ชนิดไม่หุ้มฉนวน เป็นสายตีเกลียวคู่ที่ไม่มีฉนวนชั้นนอก ทำให้สะดวกในการโค้งงอ
แต่สามารถป้องกันการรบกวนของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้น้อยกว่าสายตีเกลียวคู่ชนิดหุ้มฉนวน
ใช้ในระบบวงจรโทรศัพท์แบบดั้งเดิม ปัจจุบันมีการปรับคุณสมบัติให้ดีขึ้น และเนื่องจากมีราคาถูกจึงนิยมใช้ในการเชือ่มต่ออุปกรณ์เครือข่าย
1.2)สายตีเกลียวคู่แบบป้องกันสัญญาณรบกวนหรือชนิดหุ้มฉนวน
เป็นสายตีเกลียวคู่ที่ชั้นนอกหุ้มด้วยลวดถักที่หนา
เพื่อป้องกันการรบกวนของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า รองรับความถี่ของการส่งข้อมูลได้
2) สายโอแอกซ์
มีลักษณะเช่นเดียวกับสายที่ติอมาจากเสาอากาศประกอบด้วยลวดทองแดงที่เป็นแกนหลักหุ้มด้วยฉนวนชั้นหนึ่ง
เพื่อป้องกันกระแสไฟฟ้ารั่ว
จากนั้นจะหุ้มด้วยตัวนำซึ่งทำจากลวดทองแดงถักเป็นเปียเพื่อป้องกันการรบกวนของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและอื่นๆ
สายโคแอกซ์มี 2 ชนิด คือ 50 โอห์ม และ 75
โอห์ม
3) สายใยแก้วนำแสง หรือเส้นใยนำแสง
แกนกลางของสายประกอบด้วยเส้นใยแก้วหรือเส้นพลาสติกขนาดเล็กภายในกลวง หลายๆ เส้น
อยู่รวมกัน เส้นใยแต่ละเส้นมีขนาดเล็กประมาณเส้นผมของมนุษย์
โดยใช้เส้นใยชั้นนอกเป็นกระจกสะท้อนแสง สามารถส่งข้อมูลด้วยอัตราความหนาแน่นของสัญญาณข้อมูลที่สูงมาก
และ ไม่มีการก่อกวนของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
มีลักษณะพิเศษที่ใช้สำหรับเชื่อมโยงแบบจุดไปจุด
4.2 เทคโนโลยีการรับส่งข้อมูลแบบไร้สาย
เทคโนโลยีการส่งข้อมูลแบบไร้สาย
อาศัยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นสื่อกลางนำสัญญาณซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 4 ชนิด
1) อินฟราเรด
เป็นลักษณะของคลื่นที่ใช้ในการส่งข้อมูลระยะใกล้ๆในช่วงความถี่ที่แคบมาก
ใช้ช่องทางสื่อสารน้อย
มักใช้กับการสื่อสารข้อมูลที่ไม่มีสิ่งกีดขวางระหว่างตัวส่งกับตัวรับสัญญาณ
โดยวิธีการสื่อสารตามแนวเส้นตรง ระยะทางไม่เกิน 1-2 เมตร ความเร็วประมาณ 4-16 เมกกะบิตต่อนาที
2)
คลื่นวิทยุ ใช้ส่งสัญญาณไปในอากาศ โดยมีตัวกระจายสัญญาณส่งไปยังตัวรับสัญญาณ
และใช้คลื่นวิทยุความถี่ต่างๆ กัน มีความเร็วต่ำประมาณ 2 เมกกะบิตต่อนาที
เช่น การสื่อสารในระบบวิทยุเอฟเอ็ม เอเอ็ม การสื่อสารแบบไร้สาย และ บลูทูท
3) ไมโครเวฟ
จะใช้การส่งสัญญาณคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าไปในอากาศ พร้อมกับข้อมูลที่ต้องการส่ง
และต้องมีสถานีที่ทำหน้าที่ส่งและรับข้อมูล จึงต้องมีการรับส่งข้อมูลเป็นระยะๆ
เหมาะกับการส่งข้อมูลในพื้นที่ห่างไกล และ ทุรกันดาร
4) ดาวเทียม เป็นสถานีรับส่งสัญญาณไมโครเวฟบนท้องฟ้า
ซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นมาเพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดของสถานีรับ – ส่ง สัญญาณไมโครเวฟบนอวกาศ
และทวนสัญญาณในแนวโคจรของโลกซึ่งจะต้องมีสถานีภาคพื้นดิน
ทำหน้าที่รับและส่งสัญญาณขึ้นไปบนดาวเทียมที่โคจรอยู่สูงจากพื้นโลกประมาณ 35,600 ไมล์
โดยดาวเทียมเหล่านั้นจะเคลื่อนตัวด้วยความเร็วที่เท่ากับการหมุนของโลก
ขอขอบคุณ : หนังสือเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ม.2
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น